แพทย์ทหาร แนะผู้ปกครองหมั่นดูแลสุขอนามัยบุตรหลาน ป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง

จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โรคไข้อีดำอีแดง พบได้บ่อยในเด็กช่วงอายุ 5 – 15 ปี เชื้อนี้สามารถติดต่อได้ง่าย ผ่านทางการไอ จาม สัมผัสสารคัดหลั่ง หรือใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อน หรือผ้าเช็ดหน้า กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กในวัยเรียน ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด

อาการของโรคไข้อีดำอีแดง คือ ไข้สูง เจ็บคอ ต่อมทอนซิลบวมแดง มีจุดหนอง หรือฝ้าขาวบริเวณทอนซิล และมีผื่นแดงคล้ายกระดาษทราย ขึ้นตามลำตัวแล้วกระจายไปแขนขา ผิวแดงคล้ายถูกแดดเผา แต่บริเวณรอบปากจะซีด และมีลิ้นแดงคล้ายผลสตรอเบอร์รี่ บางรายอาจมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้องร่วมด้วย

การรักษาจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ไตอักเสบ หรือไข้รูห์มาติก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 7 – 10 วัน หลังได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เน้นย้ำต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้น หากรับประทานยาไม่ครบกำหนดอาจทำให้เชื้อยังหลงเหลืออยู่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น โรคหัวใจรูห์มาติก หรือไตอักเสบ นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการของเด็กต่อไปอีกประมาณ 2 – 3 สัปดาห์หลังจากการรักษา เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากพบเด็กมีอาการตัวบวม ปัสสาวะออกน้อยลง หรือปัสสาวะมีสีแดงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะไตอักเสบ หรือหากมีอาการเหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้ โรคไข้อีดำอีแดง เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอคคัส กลุ่มเอ (Group A Streptococcus) โรคนี้ไม่สามารถหายได้เอง ต้องเข้ารับการรักษา และมีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้
ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และคณะแพทย์ทหาร มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 รวมทั้งพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งหากมีอาการเจ็บป่วยดังกล่าว ขอให้รีบไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว
จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤตทุกโอกาส
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว