กมธ.การต่างประเทศ วุฒิสภา แถลงผลการสัมมนา “สิทธิบัตรยาภายใต้ FTA ไทย-สหภาพยุโรป : โอกาสหรืออุปสรรคในการเข้าถึงยาของประเทศไทย” นำสู่ข้อเสนอฝ่ายบริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กมธ.การต่างประเทศ วุฒิสภา แถลงผลการสัมมนา “สิทธิบัตรยาภายใต้ FTA ไทย-สหภาพยุโรป : โอกาสหรืออุปสรรคในการเข้าถึงยาของประเทศไทย” นำสู่ข้อเสนอฝ่ายบริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

วันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา นำโดย นายโสภณ มะโนมะยา รองประธานคณะกรรมาธิการ แถลงข่าวสรุปผลการสัมมนาเรื่อง “สิทธิบัตรยาภายใต้ FTA ไทย-สหภาพยุโรป : โอกาสหรืออุปสรรคในการเข้าถึงยาของประเทศไทย” โดยกล่าวว่า ได้มีการพิจารณาศึกษาการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะยกระดับมาตรฐานของประเทศ

จากการศึกษาถึงประโยชน์และผลกระทบที่ประเทศไทยจะได้รับจากการทำความตกลงดังกล่าว พบว่า สิทธิบัตรยาซึ่งอยู่ภายใต้ประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาเป็นประเด็นที่มีความสำคัญ มีความอ่อนไหว และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางยาของประเทศ รวมถึงการเข้าถึงยาของประชาชน โดยมีประเด็นข้อห่วงกังวล ดังนี้ 1. สิทธิบัตรยา โดยปรากฏข้อเสนอของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการขยายอายุสิทธิบัตรยาออกไปอีก 5 ปี ซึ่งอาจทำให้ยามีราคาแพงและสามารถอยู่ในตลาดได้นานขึ้นส่งผลให้การผลิตยาใหม่ที่ถูกกว่าเกิดขึ้นได้ช้าลง

2. การผูกขาดข้อมูลยา (Data Exclusivity) ซึ่งอาจจะเป็นการปิดกั้นการผลิตยาชื่อสามัญ ส่งผลให้ต้นทุนการรักษาพยาบาลของประชาชนในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น 3. การจำกัดการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิบัตรยา (Compulsory Licensing – CL) ซึ่งอาจทำให้รัฐไม่สามารถจัดหายาในกรณีฉุกเฉินหรือภาวะโรคระบาดได้อย่างทันท่วงที และ 4. การขออนุสิทธิบัตรจากการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของสูตรยา (Evergreening patent) อาจนำไปสู่การผูกขาดทางตลาดโดยไม่ก่อให้เกิดนวัตกรรมที่แท้จริง


.
จากการสัมมนายังได้ข้อสรุปเพิ่มเติมอีกว่า องค์กรเภสัชกรรมซึ่งเป็นผู้ผลิตยาสามัญหลักของไทย ควรปรับตัวเป็น R&D (Research and Development) ซึ่งเป็นองค์กรสำหรับการค้นคว้าวิจัยและพัฒนายา และควรเปิดโอกาสให้บริษัทผู้ผลิตยาสามัญในประเทศไทยมีโอกาสเข้ามาผลิตยาสามัญได้เพิ่มมากขึ้น

Related posts