ตัวแทน”คลองไทย”พบ สว.สงขลา ดันจัดตั้งคณะทำงาน ในขณะที่ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรปลูกมะพร้าวน้ำหอมคาบสมุทรสทิงพระ ผลผลิตตกต่ำซ้ำเติมถูกขโมยแจ้งให้รัฐบาลทราบ แนะรวมกลุ่มส่งตลาดเมืองจีน
เมื่อวาน (6 ตุลาคม 2567) ที่สำนักงานศูนย์ประสานงานสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลา ถ.ไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายณรงค์ ขุ้มทอง ผอ.ศูนย์ประสานงานคลองไทย 5 จังหวัดภาคใต้ พร้อมด้วย นายทศพล ยอดศรี นายณรงค์ นวลพรหม กรรมการประสานงาน
ได้เข้าพบ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ตัวแทนวุฒิสมาชิก กลุ่มสื่อมวลชน จังหวัดสงขลา เพื่อให้เป็นผู้ประสานงานกับวุฒิสภาในการขับเคลื่อนและผลักดันการขุดคลองไทยให้เป็นรูปธรรม
ซึ่งคณะกรรมการประสานงานการขุดคลองไทย ได้มีการขับเคลื่อนผ่านวุฒิสมาชิกรัฐสภาชุดที่แล้วจนมีความก้าวหน้าไปแล้วระดับหนึ่ง จึงขอให้วุฒิสภาชุดปัจจุบันพิจารณาทำการขับเคลื่อน ให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อการศึกษาการขุดคลองไทยอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เห็นถึง ข้อดี ข้อเสีย และโอกาสในการ ขุดคลองไทย เพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ต่อมา นายเจริญกิจ มีศิริ อนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรจังหวัดสงขลา ได้เดินทางมายื่นหนังสือกับ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ในฐานะตัวของสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 5 คนของ จ.สงขลา เพื่อขอให้ สมาชิกวุฒิสภา เป็นปากเสียง นำความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมใน คาบสมุทรสทิงพระ อ.พื้นที่อื่นๆ ของ จ.สงขลา ที่ได้รับความเดือดร้อน
เนื่องจากผลผลิตตกต่ำขายได้เพียงลูกละ 3 บาท สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างยิ่ง เพราะเจอทั้งปัญหาการ ขโมยพืชผลการการเกษตรจากกลุ่มผู้ติดยาเสพติด และยังมาพบกับราคาที่ตกต่ำเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงขอให้ สว.นำปัญหาดังกล่าวของเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวไปบอกกับรัฐบาลด้วย
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ตัวแทนสมาชิกวุฒิสมาชิก จ.สงขลา ได้กล่าวว่า จะนำเอาเรื่องที่ตัวแทนของประชาชนทั้งสองกลุ่มไปดำเนินการ แจ้งให้กับ สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลาได้รับทราบ และดำเนินการให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มตัวแทนประชาชนต่อไป
โดยเฉพาะเรื่องของ มะพร้าวน้ำหอม ใน จ.สงขลา นั้น นายไชยยงค์ กล่าวว่า ได้หารือกับ กงสุลใหญ่ สาธารณประชาชนจีน จ.สงขลา มาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ทราบว่าทางมณฑลไหหลำของ ประเทศจีน ตลาดบริโภคยังมีความต้องการ มะพร้าวน้ำหอมของ จ.สงขลา เป็นจำนวนมาก
“ปัญหานี้เกษตรกรในจังหวัดสงขลา น่าจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อหาแนวทาง ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาลู่ทางในการส่งออกไปยังมณฑลไหหลำ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ทางการค้า ที่มีความต้องการสินค้าทางการเกษตรกรของภาคใต้อี