พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ต้า ไปรับที่สนามบิน ค่ำวันนี้จะได้พบกับคณะผู้ประสานงานในการจับกุม นายเชาวลิต ทองด้วง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ต้า ไปรับที่สนามบิน ค่ำวันนี้จะได้พบกับคณะผู้ประสานงานในการจับกุม นายเชาวลิต ทองด้วง

 

โดยอดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และชุดปฏิบัติการ Pakan โดยในวันพรุ่งนี้ในช่วงเช้าจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะจะมีข้อมูลจากหน่วยปราบปรามยาเสพติดมาเลเซีย ซึ่งหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดอินโดนีเซีย จะมาพบกับ ปปส.ของไทย ที่ผ่านมาตำรวจไทยและอินโดนีเซีย มีความสัมพันธ์​และร่วมมือกันในการควบคุมอาชญากรรมในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จะมีการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยเฉพาะยาเสพติดและการฉ้อโกงข้มชาติ สำหรับกำหนดการในวันพรุ่งนี้ ตนเองจะไปพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ในช่วงเที่ยง ก่อนจะแถลงข่าวร่วมกัน

พ.ต.อ.ทวีได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศไทยได้เห็นความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะ คุณออดี้ หัวหน้าทีมสืบสวนอินเตอร์โพลอินโดนีเซีย ที่รับภารกิจในการค้นหา นายเชาวลิต จนพบตัว โดยตำรวจอินโดนีเซียทุ่มเทถึงขั้นบอกว่าถ้าจับตัวไม่ได้จะไม่กลับบ้าน

สำหรับขณะนี้ นายเชาวลิต อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจยาเสพติดของอินโดนีเซีย ในกรุงจาการ์ต้าแล้ว ซึ่งขั้นตอนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นหัวหน้าคณะในการรับตัว นายเชาวลิต หลังขั้นตอนการประสานงานระหว่างประเทศเสร็จสิ้นแล้ว โดยคาดว่า ในวันอังคารที่ 4 มิ.ย.67 จะมีการส่งตัว นายเชาวลิต กลับประเทศไทย

ส่วนการขยายผลเรื่องการหลบหนีว่ามีบุคคลในเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทางการไทยมีข้อมูลในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ โดยชุดทำงานจะประเมินทิศทางของขบวนการค้ายาเสพติด ที่มีการลักลอบเข้ามาในไทยและอาเซียน จำนวนมาก ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปหลายแห่ง หากสนใจจริงให้ไปอ่านคำพิพากษา คดีของนายเชาวลิต ในคดีปล้น จะมีคำพิพากษาที่โยงใยขบวนการดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งที่นายเชาวลิต ได้ร้องขอความเป็นธรรม

ส่วนการจับกุมในครั้งนี้จะขยายผลไปยังเครือข่ายได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และยกระดับเรื่องการสืบสวนเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ จะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่สามารถทำประเทศเดียวได้สำเร็จ และต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน ซึ่งประเทศไทยจะตั้งหน่วยข่าวกรองด้านยาเสพติดและการค้ามนุษย์ โดยให้เลขาธิการ ปปส.เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานทางด้านธนาคารที่จะมาดูเรื่องเส้นทางการเงินด้วย เพื่อสกัดนักค้ายาเสพติดเพราะนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ จะใช้บุคคลอื่นให้ถูกจับกุมแทนตัวการใหญ่ของขบวนการ ศูนย์นี้จะทำหน้าที่ในการสกัดไม่ให้เครือข่ายทำงานได้

สำหรับการคุมตัวในครั้งนี้ ที่ปฏิบัติตาม พรบ.ป้องกันการทรมานและบังคับบุคคลสูญหาย เพราะ นายเชาวลิต เป็นพยานสำคัญในคดีที่ป้องกันการฆ่าตัดตอนหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จากกฏหมายดังกล่าว มีการกำหนดว่าถ้าหากใช้เครื่องบินพาณิชย์ จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเป็นอุปสรรค สำหรับประเทศไทย ต้องมีการถ่ายภาพบันทึกขณะจับกุม หรือควบคุมตัว ซึ่งทางกระทรวงได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ นำเครื่องบินมารับตัว นายเชาวลิต ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ ทำให้ทางเรามั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น เป็นการรักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

 

พล.ต.ท.ประจวบ เปิดเผยถึงขั้นตอนการส่งตัว นายเชาวลิต จากการประสานงานระหว่างตำรวจอินเตอร์โพลและอินโดนีเซีย ที่มีหนังสือแจ้งการส่งตัว ทางประเทศไทยได้ทำหนังสือรับตัว นายเชาวลิต เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมายแล้ว ทางตำรวจอินโดนีเซียได้ดำเนินการตามกระบวนการ ตามกฏหมายตรวจคนเข้าเมืองของอินโดนีเซียในการเนรเทศ ทางตำรวจ ตม.มีมติเนรเทศนายเชาวลิตแล้ว จะทำหนังสือไปยังสถานทูตไทย ณ.กรุงจาการ์ต้า หลังรับตัว นายเชาวลิต กลับมาไทยแล้ว ทางพนักงานสอบสวน เจ้าของคดีจะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการสอบสวน โดยเบื้องต้นจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่สนามบิน ส่วนคดีที่เหลือทางคณะทำงานจะมีการหารือในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ เบื้องต้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีนโยบายให้คุมขัง นายเชาวลิต ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ กำลังหาสถานที่คุมขังที่เหมาะสม ส่วนจะมีโอกาสโอนย้ายคดีมาที่กรุงเทพด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนสามารถโอนคดี ให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีมาร่วมด้วย ส่วนจะมีโอกาสขยายผลเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติที่มี นายเชาวลิต เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ทุกเรื่องที่มีข้อมูลออกมาจะทำการตรวจสอบ ต้องดูว่ามีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง หากพบว่ามีหลักฐานจะดำเนินการตามกฏหมาย หากพบความเชื่อมโยงจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

Related posts