สนง.เลขาธิการวุฒิสภา ลงนาม MOU ร่วมกับ ม.อุบลราชธานี และ ม.ราชภัฏอุบลราชธานี มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 เวลา 09.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสัมมนา B1 – 2 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการนำผลงานทางวิชาการและผลงานการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ ระหว่างสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยนางปัณณิตา สท้านไตรภพ รองเลขาธิการวุฒิสภา รักษาราชการแทนเลขาธิการวุฒิสภา กับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยรองศาสตราจารย์ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ลงนามในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ และมีนายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา พร้อมด้วยศาสตราจารย์ทวนทอง จุฑาเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ลงนามเป็นพยาน โอกาสนี้
นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง คณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เข้าร่วมในพิธี
.
จากนั้น สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภายังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการนำผลงานทางวิชาการและผลงานการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ ระหว่างสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยนางปัณณิตา สท้านไตรภพ รองเลขาธิการวุฒิสภา รักษาราชการแทนเลขาธิการวุฒิสภา กับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยรองศาสตราจารย์ธรรมรักษ์ ละอองนวล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ลงนามในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ และมีนายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศักดา บุญยืด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และนางเสาวลักษณ์ ภูสมสาย ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี ร่วมลงนามเป็นพยาน
.
ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภาเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติที่มุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณากลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่ง การที่วุฒิสภาจะได้รับการสนับสนุนผลงานวิชาการ และผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาค้นคว้าและวิจัยในหลายด้าน และเป็นแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความเจริญให้แก่พื้นที่อีสานตอนใต้และประเทศชาติโดยรวม จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำเนินงานในกระบวนการนิติบัญญัติของวุฒิสภา เนื่องจากจะเป็นการช่วยให้การพิจารณาตัดสินใจในภารกิจด้านต่าง ๆ ของสมาชิกวุฒิสภาและคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความละเอียด รอบคอบ และอยู่บนพื้นฐานของหลักคิดทางวิชาการมากยิ่งขึ้น การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในวันนี้ จึงเป็นทั้งโอกาสและนิมิตหมายที่ดีของความพยายามและความร่วมมือในการเชื่อมโยงและบูรณาการการดำเนินงาน เพื่อทำให้เกิดการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการและนวัตกรรมร่วมกัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพัฒนาการของการประสานประโยชน์ระหว่างหน่วยงาน เพื่อรองรับการดำเนินงานในกระบวนการนิติบัญญัติ และเพื่อประโยชน์ของประชาชน สังคม และประเทศชาติโดยรวม
