อดีตรองผู้ว่าราชการจ.กระบี่แจ้งความดำเนินคดีมาตร157กับผวจ.สงขลา และอีก3หน่วยงาน เรื่องละเลยแกปัญหารื้อถอนโพงพางและม๊อบโพงพางปิดท่าแพ

อดีตรองผู้ว่าราชการจ.กระบี่แจ้งความดำเนินคดีมาตร157กับผวจ.สงขลา และอีก3หน่วยงาน เรื่องละเลยแกปัญหารื้อถอนโพงพางและม๊อบโพงพางปิดท่าแพ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้(30 พ.ค.67) ที่สภ.เมืองสงขลา นายสมโภช โชติชูช่วง อายุ 65 ปี อดีตรองผู้ว่าราชการจ.กระบี่ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.รณวิทย์ ชูช่วย สารวัตร(สอบสวน)สภ.เมืองสงขลา
เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจ.สงขลา ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนชาวจังหวัดสงขลา

รวมถึงให้ดำเนินคดีกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในมาตรา157 ทั้งประมงจังหวัดสงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา ผู้กำกับการตำรวจน้ำสงขลา
โดยการเข้าแจ้งความครั้งนี้ นายสมโภช โชติชูช่วง ฐานะตัวแทนประชาชนชาวจ.สงขลา ให้เหตุผลมา สาเหตุมาจากการสร้างโพงพาง สิ่งกีดขวาง ตลอดจนการใช้เครื่องมือทำประมงผิดกฎหมาย กีดขวางในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา
เป็นเหตุให้ประชาชนชาวจังหวัดสงขลาเกิดความเดือดร้อนและเป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นอย่างมาก จนกระทั่งก่อนหน้านี้ นายสมนึก พรหมเขียว ในฐานะประธานคณะกรรมการประมงจังหวัดสงขลา ได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนโพงพางที่สร้างกีดขวางน่านน้ำทะเลสาบสงขลา และปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายจับสัตว์น้ำภายในทะเลสาบสงขลา

แต่ต่อมาปรากฏว่า หัวหน้าหน่วยราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการควบคุม ปราบปราม กรณีดังกล่าว ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประมงจังหวัดสงขลา ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดสงขลา และผู้กำกับการกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ (จังหวัดสงขลา) กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนชาวจังหวัดสงขลาโดยรวม
โดยนอกจากไม่มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว หัวหน้าหน่วยงานข้างต้นยังปล่อยปละละเลย ให้กลุ่มผู้กระทำความผิด มีการชุมนุม ปิดท่าแพขนานยนต์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนไม่อาจเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ตามปกติ
รวมถึงยังรับข้อเสนอที่จะดำเนินการให้ทะเลสาบสงขลาเป็นเขตประมงพิเศษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษ

Related posts