ประชาชาติพร้อมเปิดตัวผู้สมัครทุกเขต ในฐานะพรรคเล็ก ส่งน้อย แต่หวังทุกเขตที่ส่งผู้สมัคร
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า “ประชาติ” จะทำการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ เพราะมีบางเขตที่มี สส.เพิ่มขึ้น และบางเขตที่ผู้สมัครคะแนนนิยมยังเบียดกัน ต้องมีการทำไพมารี่โหวต เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัคร สำหรับในการเลือกตั้งครั้งนี้ “ประชาชาติ” เป็นพรรคการเมืองเล็ก จึงไม่มีการส่งผู้สมัคร เป็นจำนวนมากเหมือนกับการเลือกตั้งในปี 2562 โดยประชาชาติ จะเน้นการได้ สส. เขตทุกเขตที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยพรรคจะทำการเปิดตัวผู้สมัครทุกเขตพร้อมกันในเร็วนี้
โดยเฉพาะ 6 เขต ใน ปัตตานี,ยะลา และ นราธิวาส ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งเดิมของ ประชาชาติ ที่ไม่มีผลกระทบกับการแบ่งเขตของ กกต. จากการพบปะประชาชนในพื้นที่ และจากตัวผู้สมัคร ที่ไม่ทิ้งพื้นที่ ไม่ทิ้งปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้ง ประชาชาติ เป็นพรรคการเมืองที่มี นโยบายด้าน พหุวัฒนธรรม และให้ความสำคัญในเรื่องของ ศาสนา ทั้ง พุทธ มุสลิม มีการทำความเข้าใจกับพี่น้องไทยพุทธมาโดยตลอดว่า “ประชาชาติ” ไม่ใช่พรรคของ”มุสลิม” เพียงแต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี ประชาชน นับถือศาสนาอิสลามกว่า ร้อยละ 80 ชื่นชอบและไว้วางใจพรรคประชาชาติ ทำให้ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาถึง 6 ที่นั่ง จึงกลายเป็นจุดให้พรรคคู่แข่งนำมาโจมตี ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการหาเสียงของการเลือกตั้ง
ครั้งนี้ “ประชาชาติ” ส่ง ผู้สมัครประมาณ 20 เขต เลือกตั้ง ซึ่งในแต่ละเจตที่ส่ง พรรคฯ มั่นใจว่าจะได้ สส เพราะ ทั้งพรรคฯ และผู้ สมัคร ต่างมีความพร้อม โดยเฉพาะผู้สมัคร ได้ผ่านการทำโพล มาแล้วอย่างดี อย่างเช่นผู้สมัครใน จ.นครศรีธรรมราชอย่าง นายอุดร น้อยทับทิม ซึ่งเป็นผู้นำศาสนาเป็นผู้นำกลุ่มดาวะห์ และใน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สมัครของพรรคคือนายมนตรี เพชรขุ้ม เป็นอดีต นายก อบจ. สุราษฎร์ธานี ผู้สมัครเหล่านี้เป็นความหวังของพรรคฯ และมีกระแสนิยมของประชาชนที่ดีมาก
ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการแข่งขันที่สูงมาก และมีเรื่องของ เงินทอง เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาชาติเป็นพรรคเล็ก จึงต้องทำงานหนักในเรื่องการนำเสนอนโยบาย แต่โชคดีที่นโยบายของพรรคเป็นนโยบายที่หากเข้าเป็นร่วมรัฐบาลสามารถทำได้จริง และนโยบายของพรรคซึ่งนำเสนอตั้งแต่ครั้งที่มีการเลือกตั้งในปี 2562 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินบำนาญประชาชนคนละ 3,000 บาท เรื่องหนี้ กยศ.เรื่องการเรียนฟรี ซึ่งในครั้งนี้หลายพรรคการเมืองได้นำไปหาเสียง แสดงว่าเป็น นโยบายที่ดีและทำได้ และในครั้งนี้พรรคเชื่อมั่นว่าจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อที่จะนำนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนผลักดันไปสู่การปฏิบัติ
