ภูมิใจไทย นราธิวาส กระแสตอบรับสูง หลังการเปิดตัวปราศรัย แจงนโยบาย
นายนัดมุดดิน อูมา ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ และผู้รับผิดชอบการเลือกตั้งใน จ.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่พรรคได้มีการเปิดปราศรัยครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมา โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค และ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งภาคใต้ โดยมีการชี้แจงให้เห็นถึง นโยบายของพรรคที่ประกาศแล้วทำได้ และนโยบายใหม่ที่ในในการหาเสียงในครั้งนี้ ทั้งที่ได้ประกาศและ ครม.มีมติไปแล้ว เช่นเรื่องการเพิ่มเงินคอบแทนที่เรียกว่าค่าป่วยการให้กับ อสม. จาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท ในเดือน ซึ่งจะมีผลในเดือนตุลาคม 2566 นี้
นโยบายที่เกี่ยวสาธารณสุขของพรรคภูมิใจไทย เช่นมีเครื่องฟอกไตที่ รพ.ประจำอำเภอทุกอำเภอ และการพัฒนา ร.พ
ประจำอำเภอ ให้มีเครื่องมือ เครื่องใช้ ที่ทันสมัย เพื่อให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วย โดยไม่ต้องเดินทางไปยัง ร.พ.ใน จังหวัด หรือ รพ.ศูนย์ฯเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจมาก เนื่องจากคนในสามจังหวัดชายมีปัญหาเรื่องของ สุขภาพ เป็นจำนวนมาก ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ดังนั้น นโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องของ การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย จึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกับเรื่องปัญหาความยากจน และเรื่องคุณภาพชีวิต
จากการเปิดเวทีปราศรัยครั้งแรก และการประเมินกระแสการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ ต่อนโยบายต่างๆในภาพรวมของพรรคภูมิใจไทย พบว่าคะแนนนิยมของพรรค และของผู้สมัคร ทั้ง 5 เขตดีมาก ซึ่งหลังจากนั้นจะมีการปราศรัยย่อย และการพบประชาชนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อชี้แจงถึงผลงานของพรรคที่ทำมาแล้ว และนโยบายใหม่ที่จะทำต่อไปหากได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ สส.ใน จ.นราธิวาส 2 ที่นั่ง บวก 1
สำหรับการเดินทางมาตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งจริงๆแล้ว ประชาชน และ ข้าราชการ ต่างรู้ดีว่ามาเพื่อหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะการมาตัดริบบิ้นแพขนานยนต์ที่เป็นของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดเป็นบิดาของนายวัชระ ยาวอหะซัน ลูกนายของนายกูเซ็ง ยาวอหะสัน นายก อบจ. เรื่องนี้ไม่เป็นผลต่อคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย เพราะการเดินทางมาตรวจราชการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าฟังจากประชาชนและข้าราชการ ที่มีการเคลื่อนไหวในโลกของโซเชียลมีเดีย จะพบว่าเป็นการสร้างปัญหาให้กับข้าราชการ และประชาชน ที่ถูกเกณฑ์ให้ไปต้อนรับ