ศอ.บต. เดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อน พื้นที่นิคมสหกรณ์ปิเหล็ง จ.นราธิวาส หลังรอคอยมานานกว่า 30 ปี เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชน

ศอ.บต. เดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อน พื้นที่นิคมสหกรณ์ปิเหล็ง จ.นราธิวาส หลังรอคอยมานานกว่า 30 ปี เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชน


วันที่ 6 มกราคม 2566 พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยนายศรัทธา คชพลายุกต์ รองเลขาธิการศอ.บต. ลงพื้นที่พบปะพบสมาชิกสหกรณ์ปิเหล็งและรับฟังความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกรณีป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนกับพระราชฎีกา จัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่อำเภอระแงะและอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส โดยมีนางสุนิสา รามแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมประชาสัมพันธ์) ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. นายอำเภอเจาะไอร้อง ผู้แทนสำนักงานที่ดิน สำนักงานสหกรณ์จังหวัด สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 13 สาขานราธิวาส นิคมสหกรณ์ปิเหล็งและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ สหกรณ์นิคมปิเหล็ง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่รอการแก้ไขมานานกว่า 30 ปี แต่ด้วยกรอบเวลาที่กำหนดยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องของที่ดิน ทำให้หลายองค์กรต้องดูแลที่ดินที่นี้อยู่เพราะพื้นที่ในเขตสหกรณ์นิคมที่นี้กว่า 32,000 ไร่ ประมาณกว่า 2,000 ครัวเรือน รอที่จะแก้ไขปัญหาของรัฐมาอย่างยาวนาน ศอ.บต. จึงได้มีแนวทางในการบูรณาการขอความอนุเคราะห์จากส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันสนับสนุนหน่วยงานเจ้าภาพหลัก คือกรมส่งเสริมสหกรณ์ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลพื้นที่แห่งนี้หารือทำความเข้าใจและดำเนินการแก้ไขในแนวเขตให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยและขั้นตอนต่อไปให้กรมป่าไม้ดำเนินการแก้ไขต่อไปซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซน ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่จะต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

ด้านนายวัน แก้วสุใส ประธานสหกรณ์ปิเหล็ง เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจแทนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกคนซึ่งบางคนอยู่ที่นี้มากว่า 50 ปี ซึ่งหลายคนเมื่อได้รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขก็ดีใจจนร้องไห้เพราะเป็นสิ่งที่รอคอยมาทั้งชีวิต ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้ความหวังและความฝันของชาวบ้านในพื้นที่เป็นความจริงโดยสมบูรณ์อย่างๅที่ทุกคนปรารถนาไว้

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวด้วยความดีใจทั้งน้ำตาว่า รู้สึกดีใจมากที่วันนี้รัฐบาลไม่ทอดทิ้งและได้ร่วมกันหาทางออกทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อทำให้ชาวบ้านตาดำๆ ได้รับที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมายหลังรอคอยมานานหลายปี ก่อนจะมาเป็นนิคมปิเหล็ง ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้ชาวบ้านยิ้มได้อีกครั้ง

สำหรับในส่วนของที่ดินทับซ้อนในพื้นที่นิคมสหกรณ์ปิเหล็ง เกิดขึ้นเนื่องจากเส้นแนวเขตของพื้นที่ทับซ้อน บางส่วนระหว่างเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากับพื้นที่นิคมสหกรณ์ปิเหล็ง ยังมีความ คลาดเคลื่อนเล็กน้อยจำนวน ๕ จุด จึงขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์แจ้งให้ ๕ นิคมสหกรณ์ปิเหล็งตรวจสอบและยืนยันแนวเขตนิคมฯ โดยให้ยึดถือตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่อำเภอระแงะ และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 2533 เป็นหลักซึ่งนิคมสหกรณ์ปิเหล็งได้ตรวจสอบและยืนยันแนวเขตนิคมตามแผนที่แนบท้ายพระราชกิจฎีกา ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์แล้วเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 และเตรียมดำเนินการให้เสร็จในเร็ว ๆ นี้

Related posts